วันนี้เลยจะจะมาแชร์ประสบการณ์แก้คางฉีดฟิลเลอร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
หวังว่ารีวิวนี้คงจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังคิดจะไปฉีดคาง ขอบอกตรงนี้เลยนะคะว่าถ้าจะคิดฉีดฟิลเลอร์ที่คาง เพื่อหวังว่าให้หน้าเป็นวีเชฟ ในระยะยาวสำหรับเรา อยากแนะนำให้เสริมไปเลยดีกว่าค่ะ สวยทีเดียวจบดีกว่าต้องมานั่งแก้ !!!
ด้วยอาชีพถ่ายแบบที่ต้องอาศัยรูปร่างหน้าตาในการทำงาน เลยทำให้เฟิร์น ต้องดูแลตัวเองให้สวยเป๊ะอยู่เสมอ และแน่นอนเลยค่ะว่าสิ่งที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเฟิร์น นั่นก็คือการทำศัลยกรรม อันนี้ขอไม่บอกนะคะ ว่าทำส่วนไหนมาบ้าง (ใครอยากรู้เพิ่มเติมหลังไมค์มาได้นะคะ)
เฟิร์นเป็นคนรูปหน้าสั้นค่ะ เวลาออกกล้องหน้าจะดูบวมๆ ซึ่งก็มีหลายคนแนะนำว่า ให้ไปเสริมคาง หน้าจะได้ดูเรียวขึ้นมีมิติมากขึ้น แต่ด้วยความที่เรามีเวลาน้อย แล้วช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เรามีงานเข้ามาตลอด เลยทำให้เฟิร์นเลยตัดสินใจไปฉีดฟิลเลอร์ที่คาง ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่พลาดมาก TT แรกๆก็สวยดีอยู่หรอกค่ะ แต่พอฉีดได้ประมาณ 7-8เดือน เริ่มรู้สึกไม่โอเคล่ะ ก็เลยตัดสินใจไปปรึกษากับคุณหมอ คุณหมอก็แนะนำว่า ของเราเพิ่งฉีดมาไม่นานเท่าไหร่ สามารถเสริมได้ แต่ต้องขูดเอาของเดิมออกก่อน
การเตรียมตัวก่อนเสริมคาง-หลังเสริมคาง ที่จริงเค้าแนะนำมาเยอะมากแต่ที่เราเอามาฝาก ก็จะเน้นแต่หลักๆ
1.งดอาหารเสริมทุกชนิดก่อนผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์
2.งดของแสลงก่อนทำ และหลังทำก็ควรงดอาหารรสจัดเผ็ดจัด
3.งดหรือเลิกสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1สัปดาห์ ก่อนและหลังผ่าตัด เพราะจะทำให้แผลหายช้าและก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อ (ข้อนนี้สำคัญมาก)
4.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันคืนก่อนผ่าตัด และ 1สัปดาห์หลังผ่าตัด
5.แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยารับประทาน ยาชา หรือยาสลบ ให้แพทย์ทราบ
ก่อนทำคุณหมอก็จะดูขนาดซิลิโคนคางที่เหมาะกับใบหน้าของเรา เฟิร์นเลือกทำแบบแผลนอกปาก เพราะจากที่ศึกษามามันน่าจะเหมาะกับเรามากที่สุด
เผื่อถ้าในอนาคตเกิดมีปัญหาเบี้ยวเอียง สามารถทำการผ่าตัดแก้ไขง่ายกว่า การทำแบบแผลในปาก แต่การทำแบบนอกปากก็มีข้อเสียเหมือนกัน คือมันจะมีแผลเป็น เหมือนคางแตก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเรา 555 ของเรา ใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย